วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มาดูคลิปเต้นเจ๋งๆจาก Quick Crew กันดีกว่าเนอะ!!! ;)


Quick Crew



Quick Crew - Asian Concept 2013




________________________________________________________________________

 :: Urban Dance Showcase :: Asian Show 2011




________________________________________________________________________

Quick Crew - Found my smile again by D'Angelo Cover by Ebrahim




________________________________________________________________________

QUICK - Winter Concept by Hit N Run (Inspired by 一青窈 もらい泣き)




________________________________________________________________________


Thanks : http://www.youtube.com/user/TheQuickStyle?feature=watch


วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เรื่องดีๆของช็อกโกแลต :)


Chocolate


     ช็อกโกแลต  นอกจากจะเป็นขนมรสหอมอร่อยหวานมันแล้ว ยังเป็นสื่อสากล ทั้งทางยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น รวมทั้งเมืองไทยจะมอบให้กันแทนความรู้สึกดีๆ เช่น แทนคำขอบคุณ น้ำใจไมตรี มิตรภาพและความรัก ช็อกโกแลตที่เรากินกันทุกวันนี้ มีถิ่นกำเนิดมาจากแห่งเดียวกัน ซึ่งชาวยุโรป ได้คิดค้นพัฒนาปรุงแต่งรสชาตินับ ครึ่งศตวรรษมาแล้ว
   
     ชาวสเปนเป็นชาติแรกที่ค้นพบรสชาติอันวิเศษของช็อคโกแลต โดยการเติมน้ำ น้ำตาลอ้อยลงในโกโก้แล้วนำไปต้มจนเดือด ทั้งยังได้คิดค้นสูตรการปรุงใหม่ๆ โดยเน้นหนักในการเติมส่วนผสมที่เป็นเครื่องเทศ อย่างอบเชย กานพลู ลูกผักชี และเพิ่มความหอมมันด้วยเมล็ดอัลมอนด์ จากนั้นอีกเกือบหนึ่งศตวรรษจึงแพร่หลายเข้าไปสู่ประเทศอื่นๆ ในยุโรป
   
     ในช่วงศตวรรษที่ 18 นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ลินนีอุส ผู้ตั้งชื่อและจัดระเบียบ พีชพันธุ์ต่างๆ ในโลก ได้ตั้งชื่อโกโก้ (ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตช็อคโกแลต) ว่า "เทโอโบรมา คะคาโอ"  (Theobroma cacao) คำว่า เทโอโบรมานั้น เป็นภาษากรีก แปลว่า "อาหารแห่งเทพ" นับเป็นชื่อที่เหมาะสมกับรสชาติความอร่อยของช็อคโกแลตนี้แล้ว
   
     ช็อคโกแลตแบ่งตามส่วนประกอบได้ 3 ประเภทคือ ช็อคโกแลตนม (Milk Chocolate) ช็อกโกแลตไม่ใส่นม (Dark Chocolate) และช็อกโกแลตขาว (White Chocolate) ซึ่งประกอบด้วยสารอาหาร 5 ชนิด คือ น้ำตาล, ไขมันโกโก้, Milk solid, Cocoa mass และ Lecithin / Vanillin โดยส่วนประกอบแตกต่างกันไปตามสัดส่วนของช็อกโกแลตทั้งสามนั้น


     ช็อกโกแลตมีข้อกล่าวหาและมีความเชื่อผิดๆ ที่ว่า เป็นบ่อเกิดแห่งสิว เพราะจริงๆ แล้ว การเกิดสิวนั้นไม่มีผลมาจากรับประทานอาหารชนิดใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนข้อกล่าวหาทีว่า ช็อกโกแลตมีคาเฟอีนนั้น ความจริงมีอยู่เพียงเล็กน้อย โดยอัตราส่วนช็อกโกแลต 1.4 ออนซ์ จะมีคาเฟอีนอยู่เพียง 6 มก. ซึ่ง เท่ากับจำนวนของคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟแบบดีแคฟ และสำหรับ ไวท์ช็อกโกแลตไม่มีคาเฟอีนอยู่เลย โดยรวมๆ แล้วช็อกโกแลตสามารถเรียกได้ว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างดีทีเดียว เพราะในต่างประเทศ ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าสารประกอบในช็อกโกแลตมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิด มะเร็งและลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ เนื่องจากในตัวช็อกโกแลตมีสารชื่อว่า ฟีโนลิกอยู่ในปริมาณสูงฟีโนลิกเป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือด ที่สำคัญยังช่วยชะลอความแก่ด้วย นอกจากนั้นช็อกโกแลตสามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์ต่อมรักได้เพราะช็อกโกแลตมีสารกระตุ้นที่มีผลต่อ หัวใจและระบบประสาท เมื่อรับประทานช็อกโกแลตหัวใจจะเต้นแรงขึ้น รู้สึกคึกคักอยากจะกระโดดโลดเต้น อีกทั้งเคยมีคนพูดว่า อารมณ์ตอนทานช็อกโกแลตนั้น เหมือนอารมณ์ตอนตกหลุมรักเพราะร่างกายจะหลั่งสารชนิดเดียวกันออกมา มีข้อแตกต่าง ตรงที่เราหาซื้อความรักไม่ได้ แต่เราสามารถหาซื้อช็อกโกแลตได้

     ประโยชน์อื่นๆ ของช็อกโกแลต เช่น ช่วยปรับอารมณ์และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติ เหมาะมากสำหรับผู้หญิงวัยทองที่เลือดจะไป ลมจะมาทั้งหลาย ฉะนั้นช็อกโกแลตจึงถือได้ว่าเป็นขนมหวานอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิงเลยทีเดียว ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ก่อนมีประจำเดือน ช่วยแก้อาการเมาค้าง ป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะได้พิสูจน์พบแล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลตเป็นสารที่พบในผักผลไม้ และไวน์แดง ช่วยลดอาการอักเสบเวลา เจ็บป่วยต่างๆ มีผลต่อสมองเพราะช่วยทำให้ตื่นตัว และยังช่วยให้กระฉับกระเฉงอีกด้วย ในมิลค์ช็อกโกแลตจำนวน 1.4 ออนซ์ จะประกอบด้วย โปรตีน 3 กรัม แคลเซียมร้อยละ 5 และธาตุเหล็กร้อยละ 15 โดยเฉพาะช็อกโกแลตที่ใส่ถั่วหรืออัลมอนด์ จะมีสารอาหารเหล่านี้มากขึ้นตามไปด้วย



     สรุปว่าเมื่อรับประทานช็อกโกแลตไม่ต้องกลัวสิว ไม่ต้องกลัวอ้วนกันอีกต่อไปแล้ว ขอแค่บริโภคอย่างพอดี และ ตระหนักไว้เสมอว่าช็อกโกแลตอุดมไปด้วยไขมันและน้ำตาล ซึ่งถ้าร่างกายได้รับมากเกินไป จะเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ควรดูแล สุขภาพของตัวท่านเองให้ดี อย่าตามใจปากมากนัก เพราะการรับประทานอาหารอะไรก็ตามปริมาณมากเกินไป ก็ล้วนแต่ทำให้เกิดปัญหาได้ด้วยกันทั้งสิ้น ดังที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ว่า ทุกอย่างต้องเดินทางสายกลางไม่มากหรือน้อยเกินไป ท่านผู้อ่านคิดว่าจริงไหมคะ

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มารู้จักกับประวัติความเป็นมาของวันตรุษจีนกันดีกว่า ;))

ตรุษจีน


     เทศกาลจีนมีอยู่มากมาย ตรุษจีนเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน ในปีนี้ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ทุกคนต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่างหยุดงาน โรงเรียนสถาบันการศึกษาต่างปิดเทอมในช่วงนี้ เป็นปิดเรียนฤดูหนาว ยกเว้นคนที่ต้องทำหน้าที่ไม่สามารถหยุดงานได้ หน่วยงานห้างร้านต่างก็หยุดงาน 3-4 วัน เมื่อใกล้วันปีใหม่จีน ผู้คนต่างก็มีการตระเตรียมงานปีใหม่

ภายในครอบครัว ทุกบ้านก็จะทำความสะอาดบ้านเรือน ผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสะอ้านสดใส ร้านค้าห้างสรรพสินค้าต่างก็เติมไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพร ในตลาดก็คราคร่ำไปด้วยผู้คน ต่างเดินไปเดินมากันขวักไขว่ ซื้อปลาบ้าง ซื้อเนื้อสัตว์บ้าง ซื้อเป็ดไก่บ้าง ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข ช่วงเทศกาลปีใหม่ เด็กๆต่างมีความสุขมาก ต่างสวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาดขนมหวาน เล่นพลุประทัดอย่างรื่นเริง

คืนก่อนวันปีใหม่ คือวันสุดท้ายของปีนั่นเองเป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ตอนกินอาหารมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวต่างนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหาร ต่างชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว บางคนก็ดูทีวี บางคนก็ฟังเพลง บางคนก็นั่งคุยกัน บางคนก็เล่นหยอกล้อกับเด็กๆ บ้านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไป ชิมไปทานไป ครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นแต่เช้า ทุกคนจะตื่นแต่เช้า เยี่ยมเพื่อนบ้าน เพื่อนฝูงอวยพรปีใหม่

ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน

ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี และพิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีน นั้นมีมานานกว่าศตวรรษ จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูก ทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่างหน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูก ประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนเป็นต้น

วันก่อนวันตรุษจีนนั้นเป็นวันแห่งการการรอคอยจะว่าไปถือวันที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด ในบรรดาการฉลองทั้งหมดเห็นจะได้ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรือง และความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร และเป็นธรรมดาเสื้อผ้าที่ใส่สีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคลเป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป และการใส่สีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง

เมื่อถึงวันตรุษจีน ประเพณีตั้งแต่โบราณมาเรียกว่า อังเปา ซึ่งหมายถึง กระเป๋าแดง เป็นการที่คู่แต่งงานให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว ต่าง ออกมาเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ เริ่มจากญาติๆ แล้วต่อด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป) ในวันตรุษนี้ อารมณ์โมโหโกรธาจะถูกลืม และไม่สนใจ การฉลองวันตรุษจีนสิ้นสุดลงในงานโคมไฟ ซึ่งฉลองโดยการร้องเพลง เต้นรำ และงานแสดงโคมไฟ ถึงแม้ว่าการฉลองวันตรุษจีน จะมีแตกต่างกันออกไปแต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การอวยพร ความสงบ และความสุขให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนทุกคน

อาหารไหว้เจ้า
ตรุษจีน หมวย

ในวันฉลองตรุษจีนอาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันไหนๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน

เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน
สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์

อาหารอื่นๆ รวมไปถึงปลาทั้งตัว เพื่อเป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกัน และความอุดม- สมบรูณ์ และไก่สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่ก็ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว

ทางตอนใต้ของจีน จานที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ทางเหนือ หมั่นโถ และติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน

ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่

หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน

การแต่งกายและความสะอาด ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผมเพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี

วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล

บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี

การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ ถือเป็นโชคร้ายดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก

ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษเพราะเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมาแต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือ และปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีน ตระหนักดีว่าการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็น ครอบครัวและเอกลักษณ์ ของตน

15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน

วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน

วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด

วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน

วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย

วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข

วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ

วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์

วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้

วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย

วันที่สิบสี่ ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน


คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ
 

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

10 อันดับเทศกาลแปลกที่น่าสนุกทั่วโลก!! ;))

วันนี้หน่องน๊อตจะพามารู้จักกับ 10 อันดับเทศกาลแปลกที่น่าสนุกทั่วโลก!! ;)) ...มาดูกันเลยค่ะ ว่ามีเทศกาลของประเทศไหนกันบ้าง? ^^

10
เทศกาลกระเทียม
เทศกาลกระเทียม เมืองกอลรอย รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐ จัดขึ้นทุกเดือนกรกฎาคม มีที่มาจากการที่ ดร.รูดี้ เมโลน อธิการบดีวิทยาลัยแห่งหนึ่งโกรธที่เมืองเล็ก ๆ ในฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นเมืองหลวงแห่งกระเทียม จึงต้องการพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า เมืองกิลรอย คือเจ้าของตำแหน่งที่แท้จริง ด้วยการจัดงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับกระเทียม มีตั้งแต่อาหาร ดนตรี และงานศิลปะ
 
 
 
9
เทศกาลทาสีวัว
เทศกาลทาสีวัว ของลักเซมเบิร์ก ตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงเดือนกันยายน ชาวเมืองจะนำวัวมาตกแต่งตลอดฤดูร้อนตามแต่จินตนาการ วัวบางตัวถูกแปลงโฉมเป็นม้าลาย บางตัวถูกวาดด้วยทิวทัศน์เทือกเขาแอลป์
 
 
 
8
เทศกาลปาส้มอีเวรี
เทศกาลปาส้มอีเวรี ของอิตาลี จัดขึ้นทุกเดือนกุมภาพันธ์ มีที่มาจากการที่ชาวเมืองลุกฮือขึ้นต่อต้านผู้ปกครองที่โหดร้ายโดยจับตัดศีรษะ ส่วนองครักษ์ถูกขว้างก้อนหินจนตาย ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ส้มแทนก้อนหิน เพื่อลดผลผลิตล้นตลาด
 
 
 
7
เทศกาลสงกรานต์
เทศกาลสงกรานต์ จังหวัดเชียงใหม่ ของไทย จัดขึ้นทุกเดือนเมษายน คนเป็นแสนจะฉีดน้ำและสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน ที่มาของเทศกาลค่อนข้างจริงจัง เพราะน้ำเป็นสัญลักษณ์ของการชำระจิตใจให้ใสสะอาดก่อนเข้าสู่ปีใหม่
 
 
 
6
เทศกาลโยนอุจจาระกวางมูส
เทศกาลโยนอุจจาระกวางมูส เมืองทัลคีทนา รัฐอะแลสกา ของสหรัฐ จัดขึ้นทุกเดินกรกฎาคม ชาวบ้านจะเร่ขายงานศิลปะและเครื่องประดับทำจากอุจจาระกวางมูส และมีการแข่งขันขึ้นบอลลูนโยนอุจจาระกวางมูสก้อนใหญ่ลงไปที่เป้าหมายที่มีตัวเลขกำกับไว้
 
 
 
5
เทศกาลแข่งขันตัดขนแกะโกลเดนเชียร์
เทศกาลแข่งขันตัดขนแกะโกลเดนเชียร์ เมืองมาสเตอรอน ของนิวซีแลนด์ จัดขึ้นทุกเดือนมีนาคม มีผู้เข้าร่วมประลองฝีมือตัดขนแกะจำนวนมาก นับตั้งแต่จัดขึ้นในปี 2504 จนหลายครั้งทางการนิวซีแลนด์ ต้องขอให้ทหารมารักษาความเรียบร้อย
 
 
 
4
เทศกาลเซา ชูเอา
เทศกาลเซา ชูเอา เมืองปอร์โต ของโปรตุเกส จัดขึ้นทุกเดือนมิถุนายน เป็นหนึ่งในเทศกาลที่คึกคักที่สุดของยุโรป ทั้งเมืองจะจุดไฟสว่างไสว ตกแต่งประดับประดาสวยงาม กินดื่มกันอย่างสนุกสนาน และหากพบเพศตรงข้ามที่ต้องตาต้องใจ ให้ใช้ค้อนพลาสติกขนาดใหญ่ทุบศีรษะเธอหรือเขาคนนั้น
 
 
 
3
เทศกาลกบ
เทศกาลกบ เมืองเรยน์ รัฐลุยเซียนา ของสหรัฐ จัดขึ้นในวันสุดสัปดาห์ของวันแรงงาน แต่ละปีจะมีคนมากถึง 50,000 คน มาร่วมเฉลิมฉลองให้กบ มีทั้งการแข่งขัน การเล่นดนตรี และปิดท้ายด้วยการกินกบ
 
 
 
2
งานกลิ้งชีสประจำปีที่เนินเขาคูเปอร์
งานกลิ้งชีสประจำปีที่เนินเขาคูเปอร์ เมืองกลอสเตอร์ ของอังกฤษ จัดขึ้นทุกเดือนพฤษภาคม ให้ผู้เข้าแข่งขันรอบละ 20 คน กลิ้งชีสกลมขนาด 8 ปอนด์ (ราว 3.6 กิโลกรัม) ลงจากเนินเขา แล้วไล่ตามเก็บเป็นระยะทาง 30 หลา (ราว 27.5 เมตร) หลายคนได้แผลถลอก ข้อเท้าพลิก กระดูกหักเป็นรางวัลกลับบ้าน
 
 
 
1
เทศกาลปามะเขือเทศ
เทศกาลปามะเขือเทศ เมืองบูโยล ของสเปน จัดขึ้นในเดือนสิงหาคม เป็นเทศกาลสงครามอาหารใหญ่ที่สุดในโลก รถบรรทุกมะเขือเทศสุก 90,000 ปอนด์ (ราว 40,000 กิโลกรัม) ให้ผู้ร่วมงานขว้างปากันอย่างสนุกสนานหมดภายใน 1 ชั่วโมง จนแต่ละคนเลอะเทอะไปด้วยมะเขือเทศ
 
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ทีมงาน Toptenthailand.com

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

Ground Scatter Crew #5 : Battle of The Year 2006


Ground Scatter Crew
ดูนักเต้นมาเยอะ  ลืมไปว่าพี่ไทยของเราก็มีดีเหมือนกัน
เมื่อ เกือบๆ 7 ปีที่ผ่านมา Ground Scatter Crew ได้เป็น B-BOY อันดับ 5 ของโลก
ภูมิใจจัง เวลาได้ยินคำว่า THAILAND ในต่างแดนเนี้ยย!! :))
วันนี้น๊อตก็เลยเอาวิดีโอตอนที่พี่ๆแกไปแข่งมาให้ดู  ไปดูกันเลยจ้าาา




credit: http://www.youtube.com/watch?v=Ht3ZwUBor1g

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

America 's Premier Maximum-Security Prison ; It's "Alcatraz".

      



      สวัสดีค่ะ ชาวบล็อคทุกคน  วันนี้บล็อคเกอร์น๊อตมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุกที่มีมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐอเมริกาแต่ถูกปิดตัวลงมาให้อ่านกัน  เนื่องจากน๊อตได้ดูทีวีซีรี่ย์เรื่องหนึ่งชื่อว่า Alcatraz มันส์มากๆ   น๊อตเห็นว่ามันสร้างมาจากเรื่องจริงก็เลยมาสืบๆดูประวัติของมันดู  ชาวบล็อคทุกคนลองมาอ่านๆดูเด้อออ  น่าสนใจมาก!! ^^


cover

ในอดีต 21 มีนาคม 1963 ทัณฑสถานของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาบนเกาะอัลคาทราซ
ในอ่าวซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ปิดตัวลง

       เกาะอัลคาทราซ (Alcatraz Island) เป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่กลางอ่าวซานฟรานซิสโก ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เกาะนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งประภาคาร ป้อมปราการของกองทัพ แต่ในราวศตวรรษที่ 19 ในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองที่สหรัฐอเมริกา ทางกองทัพได้ใช้เกาะนี้เป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองทัณฑสถานบนเกาะอัลคาทราซ ได้รับฉายาว่า The Rock เพราะมีการกล่าวขานว่าเป็นคุกที่ “หินที่สุดในโลก” เนื่องจากงบประมาณการก่อสร้างคุกแห่งนี้มีมูลค่ามหาศาล เพื่อสร้างให้แข็งแกร่ง โครงสร้างมีความแข็งแรงและทันสมัย ภายใต้ระบบความปลอดภัยสูงสุด ปราศจากสิทธิพิเศษใดๆ นอกจากนั้นยังเป็นกำแพงธรรมชาติเนื่องจากเกาะนี้ตั้งอยู่กลางอ่าวโดดเดี่ยว ล้อมรอบด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิเยือกแข็งและคลื่นลมแรง


ชื่อของเกาะได้รับการตั้งขึ้นเมื่อปี 1775 เมื่อนักสำรวจชาวสเปน ฮวน มานูเอล เดอ อยาลา ทำการสำรวจอ่าวซานฟานซิสโก และตั้งชื่อตามขนาดของเกาะว่า ลา อิสลา เดอ ลอส อัลคาทราซ ซึ่งแปลว่า "เกาะแห่งนกกระทุง" เกาะแห่งนี้ไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัย เนื่องจากกระแสน้ำทะเล พืชผักที่มีปริมาณน้อยมาก และพื้นดินที่แห้งแล้ง
เนื่องจากเกาะแห่งนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางอ่าวตามธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิเยือกแข็งและคลื่นลมแรง เกาะอัลคาทราซ จึงได้รับการพิจารณาให้ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ ในปี 1861 เกาะนี้ได้เป็นที่รองรับนักโทษจากสงครามกลางเมืองจากรัฐต่างๆ และผลพวงจากสงครามสเปน-อเมริกัน ในปี 1898 ทำให้จำนวนนักโทษเพิ่มขึ้นจาก 26 คน เป็น 450 คน จากนั้นในปี 1906 ได้เกิดแผ่นดินไหวในซานฟานซิสโก (ที่ทำลายเมืองนี้อย่างรุนแรง) บรรดานักโทษจึงถูกย้ายไปบนเกาะเพื่อความปลอดภัย ในปี 1912 มีการก่อสร้างคุกขนาดใหญ่ที่ใจกลางเกาะ และในปลายทศวรรษ 1920 อาคารสามชั้นนี้ก็เสร็จสมบูรณ์
กองทัพสหรัฐใช้เกาะอัลคาทราซมามากว่า 80 ปี คือจากปี 1850 จนถึงปี 1933 จากนั้นเกาะนี้ได้ย้ายไปอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงยุติธรรมเพื่อใช้เป็น ที่คุมขังนักโทษ รัฐบาลได้ใช้เป็นสถานที่ดัดสันดานที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด ปราศจากสิทธิพิเศษใดๆ เพื่อจัดการกับบรรดานักโทษ และแสดงถึงประสิทธิภาพทางกฎหมายที่รัฐบาลต้องการลดคดีอาชญากรรมที่มีมากมาย ในช่วงปี 1920 และปี 1930

      ปัจจุบันคุกเกาะอัลคาทราชเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์จากการอนุมัติโดยหน่วยงานอุทยานแห่งชาติให้เป็นส่วนหนึ่งของ“Golden Gate National Recreation Area” เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากนี้เกาะแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในปี 1986 อย่างไรก็ดีมีข่าวการพบเห็นผีหลอกวิญญาณหลอนอย่างต่อเนื่อง เช่น ได้เสียงตัดเหล็กทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ เสียงปิดประตูห้องขังเอง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน และความรู้สึกถูกจ้องมองปัจจุบันคุกเกาะอัลคาทราชเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์จากการอนุมัติโดยหน่วยงานอุทยานแห่งชาติให้เป็นส่วนหนึ่งของ“Golden Gate National Recreation Area” เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากนี้เกาะแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในปี 1986 อย่างไรก็ดีมีข่าวการพบเห็นผีหลอกวิญญาณหลอนอย่างต่อเนื่อง เช่น ได้เสียงตัดเหล็กทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ เสียงปิดประตูห้องขังเอง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน และความรู้สึกถูกจ้องมอง




        เกาะอัลคาทราซหาได้โหดร้ายตามชื่อแม้แต่น้อย หากแต่เกาะนี้มีจำนวนนักโทษโดยเฉลี่ยประมาณ 260-275 คนเท่านั้น อาหารของนักโทษก็ไม่ได้เลวร้าย นักโทษหนึ่งคนต่อหนึ่งห้องขัง มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำโดยไม่เบื่อ จึงมีนักโทษหลายรายขอย้ายไปที่เกาะอัลคาทราซ คุกบนเกาะอัลคาทราซต้องยุติลงเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1963 เนื่องจากความเสื่อมโทรมตามกาลเวลา มีประวัตินักโทษแหกคุกถึง 2 ครั้ง และเสียหายอย่างหนักจากการเผาทำลายและระเบิดจากการก่อการจลาจล

Ref.
Matichon online
Wikipedia

ทีวีซีรี่ย์ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสืบค้นจ้า "Alcatraz" โดย J.J.Abrams


ลองไปหามาดูกันนะจ๊ะ  สนุกจริงๆจ้า  ลุ้นมากๆ ...หน่องน๊อตรับประกัน ;))

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

สถานที่ท่องเที่ยวในซิดนีย์(Sydney,Australia)


      สถานที่ท่องเที่ยวในซิดนีย์(Sydney,Australia)


                      ซิดนีย์ นครแห่งอ่าวที่มีชื่อเสียงของออสเตรเลีย และเมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ วางแผนวันหยุดของชาวบล็อคในซิดนีย์กันเถอะค่ะ จุดท่องเที่ยวน่าเยือนมีมากมายทั่วอ่าวซิดนีย์ หาดทราย และเขตเมืองชั้นใน เทือกเขาบลูเมาท์เทน มรดกโลก และเส้นทางเดินป่า Six Foot Track วันนี้เรามารู้จักกับสถานที่น่าเยือนอื่น ๆ ในนิวเซาท์เวลส์ และการเดินทางจากซิดนีย์ที่ผ่านทิวทัศน์อันงดงาม ขับรถขึ้นเหนือไปตามถนนสายท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งแปซิฟิกสู่บริสเบน ผ่าน Hunter Valley, Port Stephens และอ่าว Byron Bay ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ หรือมุ่งหน้าลงใต้ไปเมลเบิร์นผ่านหาดทรายขาวบริสุทธิ์ของ Jervis Bay เมืองอื่นของออสเตรเลีย เพื่อเป็นข้อมูลการท่องเที่ยวในวันหยุดที่จะมาถึงของชาวบล็อค เที่ยวเมลเบิร์น, ถนน Great Ocean และ Red Centre ของออสเตรเลียได้ในเวลาสามอาทิตย์จากซิดนีย์ มาใช้วันหยุดของคุณในซิดนีย์ได้ในบทความของเราเกี่ยวกับ Hunter Valley หาดทรายที่งามระยับของซิดนีย์ เส้นทางเดิน Bondi to Bronte และการแข่งขันเรือยอชต์ประจำปีจากซิดนีย์ไปยังเมืองโฮบาร์ต
ดื่มด่ำกับความงามของท่าเรือซิดนีย์ วิถีชีวิตกลางแจ้งอันเย้ายวนใจ และความงามของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ พายเรือคายัคผ่านใต้สะพานอ่าวซิดนีย์ หรือโบกมือทักทายโอเปร่าเฮาส์ขณะนั่งเรือข้ามอ่าวไปยังเขต Manly เรียนวิธีเล่นเซิร์ฟที่หาดบอนไดหรือแหวกว่ายในแหล่งน้ำอันเงียบสงบของ Coogee เพลินกับย่าน The Rocks บนถนนทางตันที่ปูด้วยหิน หรือในตลาด ร้านบูติก คาเฟ่และผับของ Paddington นอกเหนือจากท่าเรือที่มีชื่อเสียงระดับโลก และชายหาดที่มีชีวิตชีวามากกว่า 70 แห่ง ซิดนีย์ยังมีอาหารรสเลิศ งานเทศกาลและความสนุกสนานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด
 บรรยากาศช่วงต้นของยุคนักโทษในซิดนีย์ยังคงกรุ่นอยู่ในย่าน The Rocks ที่ซึ่งความจอแจบนถนนปูหินและถนนที่เป็นซอยตันอยู่ห่างจาก Circular Quay เพียง 5 นาที  แค่เพียงออกจากบริเวณริมอ่าวไม่กี่ก้าวก็จะพบชานระเบียงและกระท่อมหินทราย รวมถึงผับที่เก่าแก่ที่สุดของซิดนีย์   ย่านอันเก่าแก่แห่งนี้ยังดึงดูดใจนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นด้วยพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ ตลาดสุดสัปดาห์ที่มีชีวิตชีวา และโรงแรมที่มองเห็นทิวทัศน์ของอ่าว  อดีตและปัจจุบันมีความขัดแย้งกันอย่างกลมกลืนที่สุดในย่าน The Rocks ซึ่งเป็นสถานที่จัดทัวร์ผีและงานเฉลิมฉลองที่มีชีวิตชีวาที่สุดของซิดนีย์บางงาน 
ไกลออกไปจากอาคารอันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง  Sydney Harbour National Park เป็นที่ตั้งของหาดอันสงบสันโดษ เกาะอันสวยงาม และป่าที่อุดมด้วยพืชพื้นเมืองพันธุ์หายาก  ว่ายน้ำ ปิกนิก และเดินป่าไปตามชายฝั่งทะเลอันงดงาม หรือไปเยี่ยมชมเกาะต่างๆ ในอ่าวด้วยเรือข้ามฟาก  แล่นเรือใบหรือพายเรือคายัค ใกล้ชิดกับสัตว์ป่าและค้นพบศิลปะบนก้อนหินในยุคโบราณตลอดจนอาคารที่สร้างขึ้นด้วยแรงงานนักโทษ   อ่าว อุทยาน และแหลมของที่นี่ยังเป็นเวทีธรรมชาติสำหรับการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียบางงาน นับจากงานแสดงพลุดอกไม้ไฟในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไปจนถึงการแข่งเรือจากซิดนีย์ไปโฮบาร์ต 
ซิดนีย์ยามหน้าร้อนเกี่ยวพันกับแนวชายฝั่งของเมือง และบางส่วนที่มีชื่อเสียงไม่แพ้เส้นทางที่สลักเสลาด้วยธรรมชาติริมทะเลจากหาดบอนไดไปยังหาดบรอนเต้ เรียนวิธีเล่นเซิร์ฟที่หาดบอนได ใกล้ชิดกับสาวสวยที่หาด Tamarama และว่ายน้ำในแอ่งหินของหาดบรอนเต้ที่เหมาะกับการเที่ยวเป็นครอบครัว ชมหาดทั้งสามด้วยการเดินจากหาดบอนไดไปยังหาดบรอนเต้ ซึ่งเป็นเส้นทางระยะสั้นตามแนวชายฝั่งอันสวยงาม เลียบหน้าผาหินทรายอันยิ่งใหญ่ 
พบกับหาดทรายระยิบระยับ 70 แห่งของซิดนีย์ ตั้งแต่อ่าวส่วนตัวไปจนถึงหาดทรายชื่อดังของโลก
หาดทรายของซิดนีย์จะดึงดูดความสนใจของคุณตั้งแต่เครื่องบินยังไม่ทันลงจอดที่เมือง Botany เสียอีก  ขณะกำลังบินคุณอาจเห็นแนวยาวของหาดทรายสีทองที่รายรอบทั้งสองด้านของท่าเทียบเรือและประดับขอบด้วยแมกไม้สีเขียวและทะเล  หรือวิดีโอต้อนรับบนเครื่องบินที่อาจเริ่มด้วยภาพของหาดทรายบอนไดชื่อดัง ที่จะติดตรึงอยู่ในความคิดของคุณ  ถ้าคุณเป็นนักเล่นเซิร์ฟผู้ชื่นชอบแสงอาทิตย์ หรือเป็นแค่เพียงคนรักทะเล คุณจะกระตือรือร้นที่จะได้โต้คลื่น สูดกลิ่นไอเค็มจากทะเล หรือฝังตัวลงบนผืนทราย 
ค้นหาความคิดและสิ่งดีเลิศในหมู่บ้านของเขตเมืองชั้นในที่มีบรรยากาศแห่งการศึกษาของนครซิดนีย์
Glebe เป็นบริเวณชานเมืองที่มีบรรยากาศแห่งความรักหนังสือ และบ่อยครั้งที่ถูกมองข้ามไปเมื่อเทียบกับบรรดาชานเมืองอื่น ๆ ของเขตเมืองชั้นในอันมีเสน่ห์ของนครซิดนีย์ แต่ใครจะมองหาบุคคลผู้มีชื่อเสียงหรือนักออกแบบแฟชั่นล่ะ ในเมื่อคุณมีสิ่งดีเลิศและความกล้าหาญทางปัญญาอยู่แล้ว 
ยินดีต้อนรับสู่ซิดนีย์ในช่วงงานมาดิกราส์ Gay and Lesbian Mardi Gras ประจำปี นอกจากแสงแดดอันสดใส คุณยังจะได้สัมผัสกับโลกมายาที่ฉีกจากกรอบและปราศจากอคติ ไม่ว่าคุณจะเป็นหญิง ชาย เกย์ สูงวัยหรือหนุ่มสาว คุณจะหลงรักพลังความสนุกสนานตื่นเต้น ดึงดูดใจ ที่เคลื่อนผ่านเมืองนี้ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ฉลองงานเปิดเทศกาลนี้ที่ Fair Day งานปาร์ตี้ชุมชนขนาดใหญ่ในเขตตะวันตกตอนในของเมืองซิดนีย์ ชมขบวนที่ประกอบด้วยเครื่องประดับโลหะมันวาว สโลแกนตลกล้อเลียน และผู้คนที่อาบผิวสีแทน เคลื่อนไปตามถนนออกซ์ฟอร์ด ในงานพาเหรดเกย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก เต้นรำตลอดคืนในฤดูร้อนท่ามกลางสวนเขียวขจีของ Royal Botanic Gardens หรือในงานปาร์ตี้ส่งท้ายอันมีชื่อ เพลินกับการแสดงความแปลกของกลุ่มเกย์ใน Sydney Opera House และสถานที่อื่น ๆ ทั่วเมือง
คุณไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญการแล่นเรือก็สามารถร่วมสนุกได้ด้วยการชมการแข่งเรือยอชจากซิดนีย์ไปยังโฮบาร์ต การแข่งขันเริ่มขึ้นในวัน Boxing Day 26 ธันวาคม เป็นงานฤดูร้อนงานหนึ่งที่มีชื่อของออสเตรเลีย ปิกนิก ย่างบาร์บีคิว และชมหมู่เรือที่แล่นออกจากแหลมท่าเรือ หรือล่องเรือในอ่าวซิดนีย์ ส่งเสียงเชียร์ในขณะที่พวกเขาเข้าเส้นชัยได้ทันเวลาฉลองส่งท้ายปีเก่าที่โฮบาร์ต ระหว่างนั้น ทึ่งกับความแกร่งทนของเหล่านักแล่นเรือ และร่วมกังวลใจไปกับชาวออสเตรเลียคนอื่น ๆ ขณะเห็นพวกเขาต่อสู้กับทางน้ำวนในช่องแคบ Bass Strait 
มการผจญภัยในออสเตรเลียของคุณที่ซิดนีย์ คุณสามารถปีน Harbour Bridge และแวะชมโรงละคร Opera House ได้ ใกล้กับขอบเมืองซิดนีย์ เชิญคุณสำรวจมรดกโลก Blue Mountains หรือเมืองไร่องุ่น Hunter Valley ว่ายน้ำกับโลมาที่ Port Stephens หรืออ่าว Jervis ที่ส่องประกายแวววับ บินหรือขับรถจนถึงเมลเบิร์น ที่นี่คุณจะได้ซึมซับวัฒนธรรมจากห้องแสดงศิลปะ ทานอาหาร เครื่องดื่ม และเลือกซื้อสินค้าในตรอกซอกซอยอันน่าพิศวงของที่นี่ ขับรถจนถึงเกาะ Phillip Island, Mornington Peninsula หรือขับไปตามเส้นทาง Great Ocean Road อันงดงามจนถึง Bells Beach และ The Twelve Apostles นอกจากนี้คุณยังสามารถนั่งเครื่องบินไปจนถึง Red Centre ของออสเตรเลียเพื่อชมความงามของ Uluru, Kata Tjuta, MacDonnell Ranges, Kings Canyon และเมืองห่างไกลอย่างอลิซ สปริงส์ 
หาด Bondi เป็นหนึ่งในหาดชื่อดังที่สุดของออสเตรเลียและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ชายหาดที่นี่น่าจะปรากฏอยู่บนโปสการ์ด รายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ มากกว่าสถานที่ใดๆ ของออสเตรเลีย
ทุกปีจะมีผู้คนนับหมื่นๆ คน ตั้งแต่นักท่องเที่ยวสะพายเป้จนถึงมหาเศรษฐี มาที่หาดทรายกว้าง ยาวหนึ่งกิโลเมตร เนื้อทรายเป็นสีทองอร่าม เพื่อเดินเล่น วิ่งจ๊อคกิ้ง หรือแค่มาอาบแดดเฉยๆ ด้วยระยะทางที่ห่างจากใจกลางเมืองเพียง 10 กิโลเมตร หาด Bondi จึงเป็นหาดที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของซิดนีย์ ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ ตลอดทั้งปี ตั้งแต่งานแสดงศิลปะของชุมชนไปจนถึงการแข่งขันวิ่งมาราธอน City to Surf
หาด Manly เป็นหาดชานเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของออสเตรเลียตามแนวชายฝั่งทางทิศเหนือของซิดนีย์ หาด Manly ได้รับการตั้งชื่อในปี ค.ศ. 1788 โดยกัปตัน Arther Phillip ผู้ว่าการรัฐคนแรกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ จากความประทับใจของเขาที่มีต่อ 'ความมั่นใจและความเป็นลูกผู้ชาย' (manly) ของชาวอะบอริจินในพื้นที่แห่งนี้ นั่งเรือเฟอร์รี่สุดหรูไปยังหาด Manly จากท่าเรือ Circular Quay โดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง คุณก็จะมาถึงยังท่าเทียบเรือ Manly Wharf ‘เพียงแค่เจ็ดไมล์จากซิดนีย์ แต่เหมือนกับคุณหนีจากความวุ่นวายมาเป็นล้านไมล์’ เป็นคำพูดที่ชาวเมือง Manly มักจะกล่าวถึงเป็นประจำ เมื่อคุณไปถึงเมืองริมทะเลแห่งนี้คุณจะรู้ได้ทันทีว่าทำไมผู้คนจึงพูดเช่นนี้
ด้วยชายหาดระยิบระยับ เส้นทางเดินเลียบชายฝั่งและเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเลพร้อมกับแหล่งโต้คลื่นชั้นเยี่ยม การดำน้ำทั้งแบบสนอร์กเกิลและดำน้ำลึก หาด Coogee คือแหล่งรวบรวมไลฟ์สไตล์บนชายหาดที่คลาสสิกของชาวออสเตรเลียเข้าไว้ด้วยกันที่นี่ หาด Coogee มีหาดทรายสีทองยาวสุดลูกหูลูกตา สระน้ำทะเลที่มีชื่อเสียง และสวนสีเขียวมากมายสำหรับการทำบาร์บีคิวและปิกนิก ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ใช้เวลาเดินทางจากใจกลางซิดนีย์แค่ 20 นาทีเท่านั้น ที่นี่เป็นหาดในฝันสำหรับทุกครอบครัว เพราะมีนักกู้ชีพประจำอยู่ที่นี่ตลอดทั้งปีให้คุณมั่นใจว่าจะว่ายน้ำได้อย่างปลอดภัย หาด Coogee เป็นย่านชานเมืองเก่าแก่ที่สุดย่านหนึ่งของซิดนีย์ จึงมีอาคารประวัติศาสตร์อยู่หลายแห่ง ยอดผาที่รายล้อมมีเส้นทางเดินป่าหลายแห่งที่พร้อมให้ชมวิวทิวทัศน์ของซิดนีย์ได้กว้างมากที่สุด
ขับรถจากตัวเมืองเพียงชั่วโมงนิดๆ คุณก็จะมาถึงหาด Palm Beach ที่ตั้งอยู่อย่างเป็นส่วนตัวตอนปลายหาดฝั่งเหนือของซิดนีย์ ที่นี่อยู่ปลายสุดของความยาวคาบสมุทร โดยมีที่โต้คลื่นอยู่ฝั่งหนึ่งและอ่าว Pittwater อยู่อีกฝั่ง เศรษฐีของประเทศนี้หลายคนได้มาสร้างบ้านพักตากอากาศไว้ที่นี่ แฟนหนังอาจจะจำหาด Palm Beach นี้ได้ในฉากหมู่บ้านในตำนานที่ชื่อ 'Summer Bay' จากภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์เรื่องดัง 'Home and Away' ที่มาถ่ายทำกันที่นี่ หาดสีทองทอดยาวกว่าสองกิโลเมตรวาดแนวโค้งจากแหลม Barrenjoey Head ที่ส่วนหัวทางด้านใต้ของอ่าว Broken Bay ไปยังหินทรายของแหลม Little Head ทางทิศใต้

ข้อมูลจาก http://www.australia.com/th/explore/cities/sydney.aspx
ขอบคุณค่ะ ^_____________^