วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

10 อันดับเทศกาลแปลกที่น่าสนุกทั่วโลก!! ;))

วันนี้หน่องน๊อตจะพามารู้จักกับ 10 อันดับเทศกาลแปลกที่น่าสนุกทั่วโลก!! ;)) ...มาดูกันเลยค่ะ ว่ามีเทศกาลของประเทศไหนกันบ้าง? ^^

10
เทศกาลกระเทียม
เทศกาลกระเทียม เมืองกอลรอย รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐ จัดขึ้นทุกเดือนกรกฎาคม มีที่มาจากการที่ ดร.รูดี้ เมโลน อธิการบดีวิทยาลัยแห่งหนึ่งโกรธที่เมืองเล็ก ๆ ในฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นเมืองหลวงแห่งกระเทียม จึงต้องการพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า เมืองกิลรอย คือเจ้าของตำแหน่งที่แท้จริง ด้วยการจัดงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับกระเทียม มีตั้งแต่อาหาร ดนตรี และงานศิลปะ
 
 
 
9
เทศกาลทาสีวัว
เทศกาลทาสีวัว ของลักเซมเบิร์ก ตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงเดือนกันยายน ชาวเมืองจะนำวัวมาตกแต่งตลอดฤดูร้อนตามแต่จินตนาการ วัวบางตัวถูกแปลงโฉมเป็นม้าลาย บางตัวถูกวาดด้วยทิวทัศน์เทือกเขาแอลป์
 
 
 
8
เทศกาลปาส้มอีเวรี
เทศกาลปาส้มอีเวรี ของอิตาลี จัดขึ้นทุกเดือนกุมภาพันธ์ มีที่มาจากการที่ชาวเมืองลุกฮือขึ้นต่อต้านผู้ปกครองที่โหดร้ายโดยจับตัดศีรษะ ส่วนองครักษ์ถูกขว้างก้อนหินจนตาย ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ส้มแทนก้อนหิน เพื่อลดผลผลิตล้นตลาด
 
 
 
7
เทศกาลสงกรานต์
เทศกาลสงกรานต์ จังหวัดเชียงใหม่ ของไทย จัดขึ้นทุกเดือนเมษายน คนเป็นแสนจะฉีดน้ำและสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน ที่มาของเทศกาลค่อนข้างจริงจัง เพราะน้ำเป็นสัญลักษณ์ของการชำระจิตใจให้ใสสะอาดก่อนเข้าสู่ปีใหม่
 
 
 
6
เทศกาลโยนอุจจาระกวางมูส
เทศกาลโยนอุจจาระกวางมูส เมืองทัลคีทนา รัฐอะแลสกา ของสหรัฐ จัดขึ้นทุกเดินกรกฎาคม ชาวบ้านจะเร่ขายงานศิลปะและเครื่องประดับทำจากอุจจาระกวางมูส และมีการแข่งขันขึ้นบอลลูนโยนอุจจาระกวางมูสก้อนใหญ่ลงไปที่เป้าหมายที่มีตัวเลขกำกับไว้
 
 
 
5
เทศกาลแข่งขันตัดขนแกะโกลเดนเชียร์
เทศกาลแข่งขันตัดขนแกะโกลเดนเชียร์ เมืองมาสเตอรอน ของนิวซีแลนด์ จัดขึ้นทุกเดือนมีนาคม มีผู้เข้าร่วมประลองฝีมือตัดขนแกะจำนวนมาก นับตั้งแต่จัดขึ้นในปี 2504 จนหลายครั้งทางการนิวซีแลนด์ ต้องขอให้ทหารมารักษาความเรียบร้อย
 
 
 
4
เทศกาลเซา ชูเอา
เทศกาลเซา ชูเอา เมืองปอร์โต ของโปรตุเกส จัดขึ้นทุกเดือนมิถุนายน เป็นหนึ่งในเทศกาลที่คึกคักที่สุดของยุโรป ทั้งเมืองจะจุดไฟสว่างไสว ตกแต่งประดับประดาสวยงาม กินดื่มกันอย่างสนุกสนาน และหากพบเพศตรงข้ามที่ต้องตาต้องใจ ให้ใช้ค้อนพลาสติกขนาดใหญ่ทุบศีรษะเธอหรือเขาคนนั้น
 
 
 
3
เทศกาลกบ
เทศกาลกบ เมืองเรยน์ รัฐลุยเซียนา ของสหรัฐ จัดขึ้นในวันสุดสัปดาห์ของวันแรงงาน แต่ละปีจะมีคนมากถึง 50,000 คน มาร่วมเฉลิมฉลองให้กบ มีทั้งการแข่งขัน การเล่นดนตรี และปิดท้ายด้วยการกินกบ
 
 
 
2
งานกลิ้งชีสประจำปีที่เนินเขาคูเปอร์
งานกลิ้งชีสประจำปีที่เนินเขาคูเปอร์ เมืองกลอสเตอร์ ของอังกฤษ จัดขึ้นทุกเดือนพฤษภาคม ให้ผู้เข้าแข่งขันรอบละ 20 คน กลิ้งชีสกลมขนาด 8 ปอนด์ (ราว 3.6 กิโลกรัม) ลงจากเนินเขา แล้วไล่ตามเก็บเป็นระยะทาง 30 หลา (ราว 27.5 เมตร) หลายคนได้แผลถลอก ข้อเท้าพลิก กระดูกหักเป็นรางวัลกลับบ้าน
 
 
 
1
เทศกาลปามะเขือเทศ
เทศกาลปามะเขือเทศ เมืองบูโยล ของสเปน จัดขึ้นในเดือนสิงหาคม เป็นเทศกาลสงครามอาหารใหญ่ที่สุดในโลก รถบรรทุกมะเขือเทศสุก 90,000 ปอนด์ (ราว 40,000 กิโลกรัม) ให้ผู้ร่วมงานขว้างปากันอย่างสนุกสนานหมดภายใน 1 ชั่วโมง จนแต่ละคนเลอะเทอะไปด้วยมะเขือเทศ
 
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ทีมงาน Toptenthailand.com

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

Ground Scatter Crew #5 : Battle of The Year 2006


Ground Scatter Crew
ดูนักเต้นมาเยอะ  ลืมไปว่าพี่ไทยของเราก็มีดีเหมือนกัน
เมื่อ เกือบๆ 7 ปีที่ผ่านมา Ground Scatter Crew ได้เป็น B-BOY อันดับ 5 ของโลก
ภูมิใจจัง เวลาได้ยินคำว่า THAILAND ในต่างแดนเนี้ยย!! :))
วันนี้น๊อตก็เลยเอาวิดีโอตอนที่พี่ๆแกไปแข่งมาให้ดู  ไปดูกันเลยจ้าาา




credit: http://www.youtube.com/watch?v=Ht3ZwUBor1g

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

America 's Premier Maximum-Security Prison ; It's "Alcatraz".

      



      สวัสดีค่ะ ชาวบล็อคทุกคน  วันนี้บล็อคเกอร์น๊อตมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุกที่มีมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐอเมริกาแต่ถูกปิดตัวลงมาให้อ่านกัน  เนื่องจากน๊อตได้ดูทีวีซีรี่ย์เรื่องหนึ่งชื่อว่า Alcatraz มันส์มากๆ   น๊อตเห็นว่ามันสร้างมาจากเรื่องจริงก็เลยมาสืบๆดูประวัติของมันดู  ชาวบล็อคทุกคนลองมาอ่านๆดูเด้อออ  น่าสนใจมาก!! ^^


cover

ในอดีต 21 มีนาคม 1963 ทัณฑสถานของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาบนเกาะอัลคาทราซ
ในอ่าวซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ปิดตัวลง

       เกาะอัลคาทราซ (Alcatraz Island) เป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่กลางอ่าวซานฟรานซิสโก ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เกาะนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งประภาคาร ป้อมปราการของกองทัพ แต่ในราวศตวรรษที่ 19 ในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองที่สหรัฐอเมริกา ทางกองทัพได้ใช้เกาะนี้เป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองทัณฑสถานบนเกาะอัลคาทราซ ได้รับฉายาว่า The Rock เพราะมีการกล่าวขานว่าเป็นคุกที่ “หินที่สุดในโลก” เนื่องจากงบประมาณการก่อสร้างคุกแห่งนี้มีมูลค่ามหาศาล เพื่อสร้างให้แข็งแกร่ง โครงสร้างมีความแข็งแรงและทันสมัย ภายใต้ระบบความปลอดภัยสูงสุด ปราศจากสิทธิพิเศษใดๆ นอกจากนั้นยังเป็นกำแพงธรรมชาติเนื่องจากเกาะนี้ตั้งอยู่กลางอ่าวโดดเดี่ยว ล้อมรอบด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิเยือกแข็งและคลื่นลมแรง


ชื่อของเกาะได้รับการตั้งขึ้นเมื่อปี 1775 เมื่อนักสำรวจชาวสเปน ฮวน มานูเอล เดอ อยาลา ทำการสำรวจอ่าวซานฟานซิสโก และตั้งชื่อตามขนาดของเกาะว่า ลา อิสลา เดอ ลอส อัลคาทราซ ซึ่งแปลว่า "เกาะแห่งนกกระทุง" เกาะแห่งนี้ไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัย เนื่องจากกระแสน้ำทะเล พืชผักที่มีปริมาณน้อยมาก และพื้นดินที่แห้งแล้ง
เนื่องจากเกาะแห่งนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางอ่าวตามธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิเยือกแข็งและคลื่นลมแรง เกาะอัลคาทราซ จึงได้รับการพิจารณาให้ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ ในปี 1861 เกาะนี้ได้เป็นที่รองรับนักโทษจากสงครามกลางเมืองจากรัฐต่างๆ และผลพวงจากสงครามสเปน-อเมริกัน ในปี 1898 ทำให้จำนวนนักโทษเพิ่มขึ้นจาก 26 คน เป็น 450 คน จากนั้นในปี 1906 ได้เกิดแผ่นดินไหวในซานฟานซิสโก (ที่ทำลายเมืองนี้อย่างรุนแรง) บรรดานักโทษจึงถูกย้ายไปบนเกาะเพื่อความปลอดภัย ในปี 1912 มีการก่อสร้างคุกขนาดใหญ่ที่ใจกลางเกาะ และในปลายทศวรรษ 1920 อาคารสามชั้นนี้ก็เสร็จสมบูรณ์
กองทัพสหรัฐใช้เกาะอัลคาทราซมามากว่า 80 ปี คือจากปี 1850 จนถึงปี 1933 จากนั้นเกาะนี้ได้ย้ายไปอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงยุติธรรมเพื่อใช้เป็น ที่คุมขังนักโทษ รัฐบาลได้ใช้เป็นสถานที่ดัดสันดานที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด ปราศจากสิทธิพิเศษใดๆ เพื่อจัดการกับบรรดานักโทษ และแสดงถึงประสิทธิภาพทางกฎหมายที่รัฐบาลต้องการลดคดีอาชญากรรมที่มีมากมาย ในช่วงปี 1920 และปี 1930

      ปัจจุบันคุกเกาะอัลคาทราชเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์จากการอนุมัติโดยหน่วยงานอุทยานแห่งชาติให้เป็นส่วนหนึ่งของ“Golden Gate National Recreation Area” เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากนี้เกาะแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในปี 1986 อย่างไรก็ดีมีข่าวการพบเห็นผีหลอกวิญญาณหลอนอย่างต่อเนื่อง เช่น ได้เสียงตัดเหล็กทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ เสียงปิดประตูห้องขังเอง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน และความรู้สึกถูกจ้องมองปัจจุบันคุกเกาะอัลคาทราชเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์จากการอนุมัติโดยหน่วยงานอุทยานแห่งชาติให้เป็นส่วนหนึ่งของ“Golden Gate National Recreation Area” เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากนี้เกาะแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในปี 1986 อย่างไรก็ดีมีข่าวการพบเห็นผีหลอกวิญญาณหลอนอย่างต่อเนื่อง เช่น ได้เสียงตัดเหล็กทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ เสียงปิดประตูห้องขังเอง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน และความรู้สึกถูกจ้องมอง




        เกาะอัลคาทราซหาได้โหดร้ายตามชื่อแม้แต่น้อย หากแต่เกาะนี้มีจำนวนนักโทษโดยเฉลี่ยประมาณ 260-275 คนเท่านั้น อาหารของนักโทษก็ไม่ได้เลวร้าย นักโทษหนึ่งคนต่อหนึ่งห้องขัง มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำโดยไม่เบื่อ จึงมีนักโทษหลายรายขอย้ายไปที่เกาะอัลคาทราซ คุกบนเกาะอัลคาทราซต้องยุติลงเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1963 เนื่องจากความเสื่อมโทรมตามกาลเวลา มีประวัตินักโทษแหกคุกถึง 2 ครั้ง และเสียหายอย่างหนักจากการเผาทำลายและระเบิดจากการก่อการจลาจล

Ref.
Matichon online
Wikipedia

ทีวีซีรี่ย์ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสืบค้นจ้า "Alcatraz" โดย J.J.Abrams


ลองไปหามาดูกันนะจ๊ะ  สนุกจริงๆจ้า  ลุ้นมากๆ ...หน่องน๊อตรับประกัน ;))

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

สถานที่ท่องเที่ยวในซิดนีย์(Sydney,Australia)


      สถานที่ท่องเที่ยวในซิดนีย์(Sydney,Australia)


                      ซิดนีย์ นครแห่งอ่าวที่มีชื่อเสียงของออสเตรเลีย และเมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ วางแผนวันหยุดของชาวบล็อคในซิดนีย์กันเถอะค่ะ จุดท่องเที่ยวน่าเยือนมีมากมายทั่วอ่าวซิดนีย์ หาดทราย และเขตเมืองชั้นใน เทือกเขาบลูเมาท์เทน มรดกโลก และเส้นทางเดินป่า Six Foot Track วันนี้เรามารู้จักกับสถานที่น่าเยือนอื่น ๆ ในนิวเซาท์เวลส์ และการเดินทางจากซิดนีย์ที่ผ่านทิวทัศน์อันงดงาม ขับรถขึ้นเหนือไปตามถนนสายท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งแปซิฟิกสู่บริสเบน ผ่าน Hunter Valley, Port Stephens และอ่าว Byron Bay ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ หรือมุ่งหน้าลงใต้ไปเมลเบิร์นผ่านหาดทรายขาวบริสุทธิ์ของ Jervis Bay เมืองอื่นของออสเตรเลีย เพื่อเป็นข้อมูลการท่องเที่ยวในวันหยุดที่จะมาถึงของชาวบล็อค เที่ยวเมลเบิร์น, ถนน Great Ocean และ Red Centre ของออสเตรเลียได้ในเวลาสามอาทิตย์จากซิดนีย์ มาใช้วันหยุดของคุณในซิดนีย์ได้ในบทความของเราเกี่ยวกับ Hunter Valley หาดทรายที่งามระยับของซิดนีย์ เส้นทางเดิน Bondi to Bronte และการแข่งขันเรือยอชต์ประจำปีจากซิดนีย์ไปยังเมืองโฮบาร์ต
ดื่มด่ำกับความงามของท่าเรือซิดนีย์ วิถีชีวิตกลางแจ้งอันเย้ายวนใจ และความงามของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ พายเรือคายัคผ่านใต้สะพานอ่าวซิดนีย์ หรือโบกมือทักทายโอเปร่าเฮาส์ขณะนั่งเรือข้ามอ่าวไปยังเขต Manly เรียนวิธีเล่นเซิร์ฟที่หาดบอนไดหรือแหวกว่ายในแหล่งน้ำอันเงียบสงบของ Coogee เพลินกับย่าน The Rocks บนถนนทางตันที่ปูด้วยหิน หรือในตลาด ร้านบูติก คาเฟ่และผับของ Paddington นอกเหนือจากท่าเรือที่มีชื่อเสียงระดับโลก และชายหาดที่มีชีวิตชีวามากกว่า 70 แห่ง ซิดนีย์ยังมีอาหารรสเลิศ งานเทศกาลและความสนุกสนานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด
 บรรยากาศช่วงต้นของยุคนักโทษในซิดนีย์ยังคงกรุ่นอยู่ในย่าน The Rocks ที่ซึ่งความจอแจบนถนนปูหินและถนนที่เป็นซอยตันอยู่ห่างจาก Circular Quay เพียง 5 นาที  แค่เพียงออกจากบริเวณริมอ่าวไม่กี่ก้าวก็จะพบชานระเบียงและกระท่อมหินทราย รวมถึงผับที่เก่าแก่ที่สุดของซิดนีย์   ย่านอันเก่าแก่แห่งนี้ยังดึงดูดใจนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นด้วยพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ ตลาดสุดสัปดาห์ที่มีชีวิตชีวา และโรงแรมที่มองเห็นทิวทัศน์ของอ่าว  อดีตและปัจจุบันมีความขัดแย้งกันอย่างกลมกลืนที่สุดในย่าน The Rocks ซึ่งเป็นสถานที่จัดทัวร์ผีและงานเฉลิมฉลองที่มีชีวิตชีวาที่สุดของซิดนีย์บางงาน 
ไกลออกไปจากอาคารอันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง  Sydney Harbour National Park เป็นที่ตั้งของหาดอันสงบสันโดษ เกาะอันสวยงาม และป่าที่อุดมด้วยพืชพื้นเมืองพันธุ์หายาก  ว่ายน้ำ ปิกนิก และเดินป่าไปตามชายฝั่งทะเลอันงดงาม หรือไปเยี่ยมชมเกาะต่างๆ ในอ่าวด้วยเรือข้ามฟาก  แล่นเรือใบหรือพายเรือคายัค ใกล้ชิดกับสัตว์ป่าและค้นพบศิลปะบนก้อนหินในยุคโบราณตลอดจนอาคารที่สร้างขึ้นด้วยแรงงานนักโทษ   อ่าว อุทยาน และแหลมของที่นี่ยังเป็นเวทีธรรมชาติสำหรับการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียบางงาน นับจากงานแสดงพลุดอกไม้ไฟในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไปจนถึงการแข่งเรือจากซิดนีย์ไปโฮบาร์ต 
ซิดนีย์ยามหน้าร้อนเกี่ยวพันกับแนวชายฝั่งของเมือง และบางส่วนที่มีชื่อเสียงไม่แพ้เส้นทางที่สลักเสลาด้วยธรรมชาติริมทะเลจากหาดบอนไดไปยังหาดบรอนเต้ เรียนวิธีเล่นเซิร์ฟที่หาดบอนได ใกล้ชิดกับสาวสวยที่หาด Tamarama และว่ายน้ำในแอ่งหินของหาดบรอนเต้ที่เหมาะกับการเที่ยวเป็นครอบครัว ชมหาดทั้งสามด้วยการเดินจากหาดบอนไดไปยังหาดบรอนเต้ ซึ่งเป็นเส้นทางระยะสั้นตามแนวชายฝั่งอันสวยงาม เลียบหน้าผาหินทรายอันยิ่งใหญ่ 
พบกับหาดทรายระยิบระยับ 70 แห่งของซิดนีย์ ตั้งแต่อ่าวส่วนตัวไปจนถึงหาดทรายชื่อดังของโลก
หาดทรายของซิดนีย์จะดึงดูดความสนใจของคุณตั้งแต่เครื่องบินยังไม่ทันลงจอดที่เมือง Botany เสียอีก  ขณะกำลังบินคุณอาจเห็นแนวยาวของหาดทรายสีทองที่รายรอบทั้งสองด้านของท่าเทียบเรือและประดับขอบด้วยแมกไม้สีเขียวและทะเล  หรือวิดีโอต้อนรับบนเครื่องบินที่อาจเริ่มด้วยภาพของหาดทรายบอนไดชื่อดัง ที่จะติดตรึงอยู่ในความคิดของคุณ  ถ้าคุณเป็นนักเล่นเซิร์ฟผู้ชื่นชอบแสงอาทิตย์ หรือเป็นแค่เพียงคนรักทะเล คุณจะกระตือรือร้นที่จะได้โต้คลื่น สูดกลิ่นไอเค็มจากทะเล หรือฝังตัวลงบนผืนทราย 
ค้นหาความคิดและสิ่งดีเลิศในหมู่บ้านของเขตเมืองชั้นในที่มีบรรยากาศแห่งการศึกษาของนครซิดนีย์
Glebe เป็นบริเวณชานเมืองที่มีบรรยากาศแห่งความรักหนังสือ และบ่อยครั้งที่ถูกมองข้ามไปเมื่อเทียบกับบรรดาชานเมืองอื่น ๆ ของเขตเมืองชั้นในอันมีเสน่ห์ของนครซิดนีย์ แต่ใครจะมองหาบุคคลผู้มีชื่อเสียงหรือนักออกแบบแฟชั่นล่ะ ในเมื่อคุณมีสิ่งดีเลิศและความกล้าหาญทางปัญญาอยู่แล้ว 
ยินดีต้อนรับสู่ซิดนีย์ในช่วงงานมาดิกราส์ Gay and Lesbian Mardi Gras ประจำปี นอกจากแสงแดดอันสดใส คุณยังจะได้สัมผัสกับโลกมายาที่ฉีกจากกรอบและปราศจากอคติ ไม่ว่าคุณจะเป็นหญิง ชาย เกย์ สูงวัยหรือหนุ่มสาว คุณจะหลงรักพลังความสนุกสนานตื่นเต้น ดึงดูดใจ ที่เคลื่อนผ่านเมืองนี้ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ฉลองงานเปิดเทศกาลนี้ที่ Fair Day งานปาร์ตี้ชุมชนขนาดใหญ่ในเขตตะวันตกตอนในของเมืองซิดนีย์ ชมขบวนที่ประกอบด้วยเครื่องประดับโลหะมันวาว สโลแกนตลกล้อเลียน และผู้คนที่อาบผิวสีแทน เคลื่อนไปตามถนนออกซ์ฟอร์ด ในงานพาเหรดเกย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก เต้นรำตลอดคืนในฤดูร้อนท่ามกลางสวนเขียวขจีของ Royal Botanic Gardens หรือในงานปาร์ตี้ส่งท้ายอันมีชื่อ เพลินกับการแสดงความแปลกของกลุ่มเกย์ใน Sydney Opera House และสถานที่อื่น ๆ ทั่วเมือง
คุณไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญการแล่นเรือก็สามารถร่วมสนุกได้ด้วยการชมการแข่งเรือยอชจากซิดนีย์ไปยังโฮบาร์ต การแข่งขันเริ่มขึ้นในวัน Boxing Day 26 ธันวาคม เป็นงานฤดูร้อนงานหนึ่งที่มีชื่อของออสเตรเลีย ปิกนิก ย่างบาร์บีคิว และชมหมู่เรือที่แล่นออกจากแหลมท่าเรือ หรือล่องเรือในอ่าวซิดนีย์ ส่งเสียงเชียร์ในขณะที่พวกเขาเข้าเส้นชัยได้ทันเวลาฉลองส่งท้ายปีเก่าที่โฮบาร์ต ระหว่างนั้น ทึ่งกับความแกร่งทนของเหล่านักแล่นเรือ และร่วมกังวลใจไปกับชาวออสเตรเลียคนอื่น ๆ ขณะเห็นพวกเขาต่อสู้กับทางน้ำวนในช่องแคบ Bass Strait 
มการผจญภัยในออสเตรเลียของคุณที่ซิดนีย์ คุณสามารถปีน Harbour Bridge และแวะชมโรงละคร Opera House ได้ ใกล้กับขอบเมืองซิดนีย์ เชิญคุณสำรวจมรดกโลก Blue Mountains หรือเมืองไร่องุ่น Hunter Valley ว่ายน้ำกับโลมาที่ Port Stephens หรืออ่าว Jervis ที่ส่องประกายแวววับ บินหรือขับรถจนถึงเมลเบิร์น ที่นี่คุณจะได้ซึมซับวัฒนธรรมจากห้องแสดงศิลปะ ทานอาหาร เครื่องดื่ม และเลือกซื้อสินค้าในตรอกซอกซอยอันน่าพิศวงของที่นี่ ขับรถจนถึงเกาะ Phillip Island, Mornington Peninsula หรือขับไปตามเส้นทาง Great Ocean Road อันงดงามจนถึง Bells Beach และ The Twelve Apostles นอกจากนี้คุณยังสามารถนั่งเครื่องบินไปจนถึง Red Centre ของออสเตรเลียเพื่อชมความงามของ Uluru, Kata Tjuta, MacDonnell Ranges, Kings Canyon และเมืองห่างไกลอย่างอลิซ สปริงส์ 
หาด Bondi เป็นหนึ่งในหาดชื่อดังที่สุดของออสเตรเลียและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ชายหาดที่นี่น่าจะปรากฏอยู่บนโปสการ์ด รายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ มากกว่าสถานที่ใดๆ ของออสเตรเลีย
ทุกปีจะมีผู้คนนับหมื่นๆ คน ตั้งแต่นักท่องเที่ยวสะพายเป้จนถึงมหาเศรษฐี มาที่หาดทรายกว้าง ยาวหนึ่งกิโลเมตร เนื้อทรายเป็นสีทองอร่าม เพื่อเดินเล่น วิ่งจ๊อคกิ้ง หรือแค่มาอาบแดดเฉยๆ ด้วยระยะทางที่ห่างจากใจกลางเมืองเพียง 10 กิโลเมตร หาด Bondi จึงเป็นหาดที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของซิดนีย์ ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ ตลอดทั้งปี ตั้งแต่งานแสดงศิลปะของชุมชนไปจนถึงการแข่งขันวิ่งมาราธอน City to Surf
หาด Manly เป็นหาดชานเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของออสเตรเลียตามแนวชายฝั่งทางทิศเหนือของซิดนีย์ หาด Manly ได้รับการตั้งชื่อในปี ค.ศ. 1788 โดยกัปตัน Arther Phillip ผู้ว่าการรัฐคนแรกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ จากความประทับใจของเขาที่มีต่อ 'ความมั่นใจและความเป็นลูกผู้ชาย' (manly) ของชาวอะบอริจินในพื้นที่แห่งนี้ นั่งเรือเฟอร์รี่สุดหรูไปยังหาด Manly จากท่าเรือ Circular Quay โดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง คุณก็จะมาถึงยังท่าเทียบเรือ Manly Wharf ‘เพียงแค่เจ็ดไมล์จากซิดนีย์ แต่เหมือนกับคุณหนีจากความวุ่นวายมาเป็นล้านไมล์’ เป็นคำพูดที่ชาวเมือง Manly มักจะกล่าวถึงเป็นประจำ เมื่อคุณไปถึงเมืองริมทะเลแห่งนี้คุณจะรู้ได้ทันทีว่าทำไมผู้คนจึงพูดเช่นนี้
ด้วยชายหาดระยิบระยับ เส้นทางเดินเลียบชายฝั่งและเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเลพร้อมกับแหล่งโต้คลื่นชั้นเยี่ยม การดำน้ำทั้งแบบสนอร์กเกิลและดำน้ำลึก หาด Coogee คือแหล่งรวบรวมไลฟ์สไตล์บนชายหาดที่คลาสสิกของชาวออสเตรเลียเข้าไว้ด้วยกันที่นี่ หาด Coogee มีหาดทรายสีทองยาวสุดลูกหูลูกตา สระน้ำทะเลที่มีชื่อเสียง และสวนสีเขียวมากมายสำหรับการทำบาร์บีคิวและปิกนิก ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ใช้เวลาเดินทางจากใจกลางซิดนีย์แค่ 20 นาทีเท่านั้น ที่นี่เป็นหาดในฝันสำหรับทุกครอบครัว เพราะมีนักกู้ชีพประจำอยู่ที่นี่ตลอดทั้งปีให้คุณมั่นใจว่าจะว่ายน้ำได้อย่างปลอดภัย หาด Coogee เป็นย่านชานเมืองเก่าแก่ที่สุดย่านหนึ่งของซิดนีย์ จึงมีอาคารประวัติศาสตร์อยู่หลายแห่ง ยอดผาที่รายล้อมมีเส้นทางเดินป่าหลายแห่งที่พร้อมให้ชมวิวทิวทัศน์ของซิดนีย์ได้กว้างมากที่สุด
ขับรถจากตัวเมืองเพียงชั่วโมงนิดๆ คุณก็จะมาถึงหาด Palm Beach ที่ตั้งอยู่อย่างเป็นส่วนตัวตอนปลายหาดฝั่งเหนือของซิดนีย์ ที่นี่อยู่ปลายสุดของความยาวคาบสมุทร โดยมีที่โต้คลื่นอยู่ฝั่งหนึ่งและอ่าว Pittwater อยู่อีกฝั่ง เศรษฐีของประเทศนี้หลายคนได้มาสร้างบ้านพักตากอากาศไว้ที่นี่ แฟนหนังอาจจะจำหาด Palm Beach นี้ได้ในฉากหมู่บ้านในตำนานที่ชื่อ 'Summer Bay' จากภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์เรื่องดัง 'Home and Away' ที่มาถ่ายทำกันที่นี่ หาดสีทองทอดยาวกว่าสองกิโลเมตรวาดแนวโค้งจากแหลม Barrenjoey Head ที่ส่วนหัวทางด้านใต้ของอ่าว Broken Bay ไปยังหินทรายของแหลม Little Head ทางทิศใต้

ข้อมูลจาก http://www.australia.com/th/explore/cities/sydney.aspx
ขอบคุณค่ะ ^_____________^

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

สาวๆจ๋า มาดูเทรนการแต่งตัวในปี 2013 กันเถอะจ่ะ ^_^





            เทรนด์แฟชั่นปี 2013 มาแล้วค่า สด ๆ ร้อน ๆ เสริฟถึงชาวบล็อคเกอร์โดยเฉพาะ ปีหน้าเทรนด์ไหนมา เทรนด์ไหนฮิต เรารวบรวมมาไว้ที่นี่หมดแล้ว พร้อมแล้วก็ไปอัพเดตกันเลยค่ะ 
            1. ปีแห่งความเซ็กซี่ เค้าว่ากันว่าปีหน้าเทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้า แบบเปิดตรงนี้นิด ตรงนู้นหน่อยจะมาแรงค่ะ สำหรับสาวกเดรสก็เตรียมจ้องชุดเดรสแบบเกาะอก เปิดหลัง ไว้ได้เลย ผ้าซีทรูก็ชิคเหมือนกันค่ะ เซ็กซี่สะเด็ดแน่นอน เลือกที่มีซับในบางจุด จะได้มีลูกเล่นค่ะ เปิดหมดมันไม่น่าค้นหานะคะ สำหรับเดรสสั้นก็ยังฮิตติดลมบนอยู่ แต่ในปีหน้าจะเน้นสไตล์ที่สบายและลำลองค่ะ     
            2. เสื้อผ้าแฟชั่นแบบชิล ๆ ปีหน้าอะไรที่ดูลำลองจะอยู่ในกระแส เช่น กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น ชุดเดรสสั้น ให้อารมณ์สบาย ๆ เป็นกันเอง สำหรับสไตล์นี้ต้องอาศัยการมิกซ์แอนด์แมทช์นิดนึงถึงจะดูดีค่ะ ยึดหลักเรียบ ๆ สบาย ๆ แต่มีสไตล์     



            3. โมโนโทนกำลังมา เตรียมกรี๊ดได้เลยสำหรับสาวกเสื้อผ้าแฟชั่นสีขาวดำ เพราะว่าปีหน้าสีขาวตัดกับสีดำจะกลับมาฮิตติดลมบนอีกครั้งหนึ่งแน่นอนค่ะ แถมเปิดกว้างทุกโอกาส ทั้งใส่เที่ยว ใส่ทำงาน ใส่อยู่กับบ้าน ก็ได้ทั้งนั้นถ้าไม่อยากตกเทรนด์ก็มองหาเสื้อผ้าโมโนโทนเตรียมไว้ได้เลยค่ะ    

        

            4. แฟชั่นลายทาง สำหรับลวดลายเสื้อผ้าแฟชั่นที่โดดเด่นในปีหน้าต้องยกให้ลายทางค่ะ สีอะไรก็ได้ จะพาสเทลหรือขรึมด้วยสีเข้มก็ได้ทั้งนั้น แต่ต้องเน้นลายเส้นหนา ๆ นะคะ ลายทางเส้นเล็กแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่แซ่บค่ะ ต้องเส้นหนา ๆ        
มิกซ์แอนด์แมทช์ ลายขวางให้สนุก

            5. ระยิบระยับในยามค่ำคืน สำหรับแฟชั่นชุดกลางคืนปีหน้าต้องยกให้กับพวกชุดปักเลื่อม ประดับด้วยลูกปัดเลยค่ะ จะใส่เป็นชุดเดรสยาวเดรสสั้นก็ได้แต่ต้องวิบวับออกแนวภารตะนิดนึง นึกไม่ออกก็นึกภาพสาวอินเดียนะคะ ประมาณนั้นเลยค่ะ ถ้ากลัวแสบตาเกินก็เล่นที่ลวดลายปักเดินเส้นก็ได้ค่ะ ดูดีเหมือนกัน



            
            6. เสื้อผ้าแฟชั่นฉบับสาวทำงาน เทรนด์ชุดทำงานของปี 2013 เน้นที่สไตล์ลำลองและคล่องตัวค่ะ ชุดทำงานแบบกางเกงขาสั้นใส่กับสูทจะมาในปีหน้า ถ้ากลัวไม่สุภาพก็เลือกเดรสสั้นหรือกางเกงกระโปรงก็ให้อารมณ์เดียวกันค่ะ สำหรับเดรสก็หาเบลเซอร์ใส่สักหน่อยจะได้อินเทรนด์นะคะ          
            7. แฟชั่นชุดเดรสเทรนด์ฮิตในปีหน้าเป็นแบบเดรสทรงเอค่ะ เน้นความสบายตามทีมแฟชั่นปี 2013 ค่ะ มิกซ์กับรองเท้าหนังส้นเตี้ยและกระเป๋าสะพายข้าง    
            8. กระเป๋าและรองเท้า แฟชั่นก็ไม่หนีไปจากปีนี้เลยค่ะ ยังเน้นที่ความเป็นหนังและสไตล์เรียบหรูอยู่เหมือนเดิม


ลองเลือหาชุดที่ใส่แล้วเหมาะกับตัวคุณที่สุดนะค่ะ  จะได้มั่นใจว่าใส่แล้วดูดีแน่นอน ;))  

...Nhong Nott